วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558

บทความ2

รีวิววิธีทำ “เค้กหม้อหุงข้าว” แบบบ้านๆ สำหรับใครที่อยากจะลองทำเค้กด้วยตนเอง แล้วคิดว่ามันยุ่งยาก ขอบอกเลยว่า ถ้าได้ลองทำจริงๆ แล้วมันจะสนุกมาก ทำง่ายด้วยไม่ยุ่งยาก แค่เหนื่อยตอนเก็บล้างครัวนี่แหละ 5555  

ส่วนสูตรนี่เราก็ศึกษามาจากหลายๆ แหล่งบนโลก Social เลย จับมายำๆ รวมกันจนรสชาติลงตัว ถึงแม้ว่าที่บ้านจะไม่มีเครื่องอบ แต่เราก็สามารถพึ่งเจ้าหม้อหุงข้าวแสนรักแก้ขัดได้อยู่ แต่แน่นอนอยู่แล้วว่าคุณภาพของเนื้อเค้กมันจะไม่ดีเท่ากับการอบในเตาอบโดยตรง แต่รสชาติก็พอสูสีกันได้ (มั้ง) 55555

อุปกรณ์ก็ไม่มีอะไรมาก หาได้ทั่วไป
 
วัตถุดิบในการทำเค้กหม้อหุงข้าว
1. แป้งเค้ก 150 กรัม
2. เนย (อุณหภูมิห้อง) 170 กรัม 
3. น้ำตาลทราย 150 กรัม (แบ่งออกเป็น 2 ส่วน : 120 กรัม และ 30 กรัม)
4. ไข่ไก่ (อุณหภูมิห้อง) 4 ฟอง
5. ผงฟู 1 ช้อนชา ครึ่ง
6. กลิ่นวนิลา ตามปริมาณที่พอเหมาะ

ขั้นตอนการเตรียมวัตถุดิบ
1. จงหยิบเนยออกมาจากตู้เย็นเซี๊ยย (เพื่อที่เนยจะได้อยู่ในอุณภูมิห้อง เวลานำมาตีจะได้ไม่เหนื่อย)
2. หากบ้านใครแช่ไข่ไก่ไว้ในตู้เย็น ก็โปรดจงนำออกมาเซี๊ยด้วย (เพื่อที่ไข่จะได้อยู่ในอุณภูมิห้อง)
3. ล้างอุปกรณ์ทุกชิ้นที่จะใช้ให้สะอาดด้วยหละ (เพื่อความสะอาดของร่างกาย)
4. แยกไข่แดง ออกจากไข่ขาว หรือจะแยกไข่ขาวออกจากไข่แดงก็ได้ ไม่ว่ากัน (มันก็เหมือนกัน ไม่ใช่เรอะ ?)
5. ชั่ง และตวง วัถุดิบทุกอย่างให้เรียบร้อย ไม่ว่าจะเป็น แป้ง น้ำตาล ผงฟู เนย กลิ่นวนิลา (เพื่อความสะดวกสบายในการทำ)


ขั้นตอนการลงมือทำเค้กจากหม้อหุงข้าว
1. เทผงฟูลงในแป้งเค้ก แล้วร่อนพร้อมกัน ประมาณ 3-4 รอบ แล้วพักไว้ที่มุมใดของบ้านก็ได้

ร่อนแป้งเค้ก

ร่อนแป้งเสร็จแล้ว

2. นำเนยที่อุณหภูมิห้องมาตีๆ ให้เป็นเนื้อครีม


3.  ค่อยๆ ใส่น้ำตาลลงไป ทีละ 1/3 ของทั้งหมดนะคะ แล้วค่อยๆ ตีให้เข้าจนเป็นเนื้อเดียวกัน

ใส่น้ำตาล

คนเนยกับน้ำตาล

4. ค่อยๆ หยอดไข่แดงลงไปทีละฟอง - สองฟอง ตีให้เข้ากันเรื่อยๆ แล้วใส่ลงไปจนหมด 

ใส่ไข่แดง

คนเนยกับไข่แดง

5. ใส่กลิ่นวนิลาลงไปเลย เพื่อดับกลิ่นคาวของไข่แดง หลังจากนั้น ก็ คน คน คน


6. ค่อยๆ เทแป้งที่ร่อนไว้แล้วลงไปในถ้วยผสม คนๆ ให้เข้ากัน แต่อย่าเทลงไปหมดทีเดียวเลยนะ เพราะว่ามันจะคนยากมากกกก 

ใส่แป้งลงไปผสม

ค่อยๆใส่แป้งเรื่อยๆ

คนให้เข้ากัน

7.  เทน้ำตาลส่วนที่ปริมาณน้อยๆ ลงไปในไข่ขาว และตีให้เข้ากัน 

ใส่น้ำตาลในไข่ขาว

ตีน้ำตาลกับไข่ขาวให้เข้ากัน

8. เทส่วนผสมไข่ขาวนั้นลงไปถ้วยผสมใหญ่ได้เล้ยย แล้วก็คน คน คน ให้เข้ากันซะ จะได้ออกมาแบบนี้ แต่น แตน แต๊นนนน 


9. นำเนยไปทาบริเวณหม้อหุงข้าวซะหน่อย เวลาเค้กสุกจะได้ไม่ติดหม้อ หลังจากนั้นก็ เท เท และ เท ส่วนผสมลงไปได้เลย ณ บัดนี้


11. หากบ้านใครเป็นหม้อหุงข้าวแบบมีปุ่มสำหรับทำเค้ก ก็สามารถกดได้เลย แต่ถ้าเป็นแบบกดเวลาได้ ก็เลือกอยู่ที่ประมาณ 45-60 นาที แล้วแต่ความเหมาะสม 

12. ถ้าไม่แน่ใจในเวลาการสุกของเค้ก ประมาณนาทีที่ 45 ก็ลองเปิดดูแล้วเอาส้อมจิ้มๆ ดูได้ หากมีเนื้อแป้งเหลวๆติดขึ้นมาก็แสดงว่ายังไม่สุกดี ก็ทดเวลาบาดเจ็บให้เค้าอีกซักหน่อยนะคะ

13. เสร็จแล้วก็ใช้อะไรแงะๆ คว่ำๆออกมาได้เลยยย เย้ ! 



ลองชิม รสชาติอร่อยเลยทีเดียว ที่สำคัญหอมมากกกก หลังจากที่เริ่มทำได้คล่อง ก็ทำแจกจ่ายไปให้เพื่อน ญาติ พี่น้อง ชิมกัน ปรากฏว่าติดใจกับเป็นแถวเลย ! มีออร์เดอร์มาให้ทำอีกเพียบ 5555

จบแล้วรีวิวเค้กหม้อหุงข้าวที่ใครๆ ก็ลองทำได้ ใครว่างๆ ก็ลองทำดูนะ ไม่ยากเกินความสามารถของคุณแน่นอน ฮึบ ฮึบ เชื่อสิเราทำได้ ! 

อ้างอิง : http://pantip.com/topic/31562229
https://www.youtube.com/watch?v=3KwXogkzQXY

บทความ1

เทคนิคเก็บเงินเที่ยวเมืองนอก

         ความฝันหนึ่งของคนทำงานหนักมาทั้งปีคือการมีโอกาสได้ไปท่องเที่ยวต่างประเทศกับเขาบ้าง แต่ติดที่ว่าไม่มีเงินนี่สิ วันนี้เรามีเทคนิคดีๆ มาฝาก ถ้าทำได้รับรองมีโอกาสได้ไปเที่ยวต่างประเทศแน่นอน 
1. ตั้งเป้าหมาย ค้นคว้า หาข้อมูล การตั้งเป้าหมายก็เหมือนกับการบอกตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่าเราต้องไปที่นี่ให้ได้ เช่นภายในปีนี้เราต้องไปญี่ปุ่นให้ได้ มันจะทำให้เรามีแรงบันดาลใจขึ้นอีกเยอะ รวมทั้งระหว่างนี้ต้องหาข้อมูลการเดินทาง ที่พัก โปรแกรมการท่องเที่ยวให้ชัดเจน เพราะถ้ามีการวางแผนที่ดีจะช่วยเราประหยัดเงินในการท่องเที่ยวไปได้อีกพอสมควร 
2. แยกเงินไว้สำหรับไปเที่ยวโดยเฉพาะ ลองเปิดบัญชีไว้อีกหนึ่งบัญชี เมื่อถึงเวลาเงินเดือนออกก็แบ่งมาเข้าบัญชีนี้ทันที รวมถึงหากมีรายได้พิเศษก็นำมาใส่ไว้ในบัญชีนี้ เมื่อเราเปิดดูสมุดบัญชี เห็นตัวเงินที่เพื่มขึ้นเรื่อยๆ เราจะได้มีกำลังใจ
3. ขายของที่ไม่ได้ใช้แล้ว ของบางอย่างที่เราซื้อมาเก็บไว้ แต่ไม่ได้ใช้ก็นำออกมาขายได้ เช่น หนังสือ, กระเป๋าแบรนด์เนม, เครื่องประดับ, ซี่งตอนนี้สามารถนำไปขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ง่ายๆ  วิธีนี้จะทำให้คุณสามารถรวบรวมเงินเก็บได้เร็วยิ่งขึ้น
4. ตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น วิธีที่ง่ายที่สุดคือ จดบันทึกรายรับ-รายจ่าย เพราะจะทำให้เราเห็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น ซึ่งค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นเหล่านี้สามารถตัดออกไปจากชีวิตได้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าต้องซื้อกาแฟทุกเช้าที่ราคาแก้วละ 40 บาท ทำงาน 5 วัน คุณต้องจ่ายค่ากาแฟ 40 X 5 = 200 บาท ในหนึ่งเดือนคุณต้องจ่ายค่ากาแฟ 800 บาท  ค่อยๆ เก็บเล็กผสมน้อยไปเรื่อยๆ  
5. หางานพิเศษทำ ลองสำรวจตัวเองว่ามีความถนัดอะไรหรือเปล่า เช่นเป็นครูสอนเต้นรำ สอนว่ายน้ำ สอนโยคะ สอนร้องเพลง สอนหนังสือเด็ก รวมถึงศึกษาเรื่องการลงทุนในหุ้น เป็นอีกทางหนึ่งในการหารายได้เพิ่มด้วย

การออกเดินทางท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้โลกของความแตกต่างจะทำให้เราได้มุมมองใหม่ๆในการใช้ชีวิตมากขึ้น ถ้าน้ำในอ่างหยุดนิ่งไม่ไหลเวียนอีกไม่นานมันก็เน่า เหมือนชีวิตที่คงอยู่กับที่เดิมๆ สิ่งแวดล้อมเช่นเดิมก็จะมีแต่มุมมองในการใช้ชีวิตเช่นเดิม ที่รอวันจะร่วงโรยตามกาลเวลา การออกไปเผชิญกับสิ่งแปลกใหม่จะทำให้สมองได้ออกกำลัง หัวใจได้เต้นแรงจากการรับรู้สิ่งที่ไม่คุ้นเคยจะทำให้เรารู้สึกสดชื่นและมีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้งนึง

ถึงเวลาแล้วที่เราต้องใช้เงินเพื่อสร้างประสบการณ์กับโลกใบเดิมในมุมที่เปลี่ยนไป เราทุ่มเทเวลาให้กับการหาเงินโดยที่ร่างกายไม่ได้พักผ่อนมากี่ปีแล้ว ดังนั้นเราก็ควรแบ่งเวลาเพื่อให้ร่างกายได้ผ่อนคลายจากการท่องเที่ยวบ้าง การเก็บเงินไปเที่ยวนั้นไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแต่เราควรรู้วิธีว่าควรเก็บอย่างไร
ออกแบบภาพโดย : www.facebook.com/richsalaryman

บทความนี้มีวิธีการเก็บเงินไปท่องเที่ยวมาแนะนำซึ่งจะแบ่งเป็น 2 วิธี คือ
  • การทะยอยเก็บเงินทุกเดือน
  • การเก็บเงินก้อนเดียว 
โจทย์เพื่อเก็บเงินไปท่องเที่ยวของเรามีอยู่ว่า ==> เราต้องการเก็บเงินไปเที่ยวต่างประเทศในอีก 10 เดือนข้างหน้า ด้วยงบประมาณ 40,000 บาท โดยระหว่างที่เก็บเงินควรตรวจสอบโปรโมชั่นตั๋วเดินทางราคาประหยัดเป็นระยะๆเพื่อที่จะทำให้ต้นทุนในการท่องเที่ยวลดลง จะได้มีเงินเหลือไปกินของอร่อยหรือช้อปปิ้งมากขึ้น

ส่วนใหญ่แล้วสายการบินทั่วไปจะเปิดให้จองตั๋วเครื่องบินจองล่วงหน้าก่อนเดินทางได้ 6-12 เดือน ยิ่งจองเร็วราคายิ่งถูก ซึ่งเราอาจจะต้องถอนเงินออกมาบางส่วนเพื่อมาจ่ายค่าตั๋วเดินทางก่อนครบกำหนดเก็บเงิน 10 เดือน ดังนั้นควรวางแผนเก็บเงินให้ตรงกับช่วงเวลาใช้เงิน ทั้งนี้เงื่อนไขในการจองตั๋วตามโปรโมชั่นหรือตั๋วราคาถูกของแต่ละสายการบินไม่เหมือนกัน เช่น ราคาแตกต่างกัน เงื่อนไขการเปลี่ยนวันเดินทาง ดังนั้นเราควรเลือกเงื่อนไขที่เหมาะสมกับตนเองมากที่สุด
ตัวอย่างเว็ปเปรียบเทียบโปรโมชั่น

เรามาเริ่มเก็บเงินไปท่องเที่ยวกันเลยนะคะ ^_^

วิธีที่ 1 คือ การทะยอยเก็บเงินทุกเดือน
วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่ชอบทะยอยสะสมเงินที่ละนิดและไม่อยากให้เงินไปเที่ยวนั้นสร้างภาระในการดำรงชีพมากเกินไป โดยเก็บเงินในสินทรัพย์ทางการเงินที่ที่ความเสี่ยงต่ำเป็นหลัก เช่น เงินฝากออมทรัพย์ กองทุนรวมตราสารหนี้ โดยเก็บเดือนละ 40,000/10 = 4,000 บาท
  • เงินฝากออมทรัพย์ เราควรเปิดบัญชีเพื่อการท่องเที่ยวแยกต่างหากไม่ควรปะปนกับรายการทางการเงินอื่นเพื่อกันความสับสน เมื่อเงินเดือนเข้าบัญชีเราก็โอนเงินไปเก็บไว้บัญชีเพื่อการท่องเที่ยวทันที เป็นการสร้างวินัยทางการเงินอีกแบบหนึ่งเพื่อที่จะได้ไปเที่ยวได้ตามที่ตั้งใจไว้ ทำแบบนี้ทุกเดือนจนครบ 
    • วิธีนี้เงินต้นอยู่ครบ ส่วนดอกเบี้ยก็อาจจะต้องดูบัญชีที่เราฝากว่ามีวิธีจ่ายดอกเบี้ยแบบไหน
  • กองทุนรวมตราสารหนี้ การออมเงินประเภทนี้เราไปเปิดบัญชีกองทุนรวมที่ธนาคารหรือบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน โดยให้เจ้าหน้าที่แนะนำว่ามีกองทุนตราสารหนี้แบบใดบ้าง ผลตอบแทนเฉลี่ยเท่าไหร่ เมื่อเลือกกองทุนที่เหมาะสมกับความเสี่ยงแล้วเราก็ใช้วิธีผูกบัญชีเงินเดือนของเรากับบัญชีกองทุนรวมตราสารหนี้(ควรเป็นธนาคารเดียวกัน) เมื่อเงินเดือนเราออกก็จะถูกตัดมาซื้อหน่วยลงทุน ทำแบบนี้ทุกเดือนจนกระทั่งถึงจำนวนที่ต้องการจึงขายหน่วยลงทุน โดยเงินจากการขายหน่วยลงทุนจะได้รับในวันถัดไป ไม่เหมือนกับถอนเงินฝากออมทรัพย์ที่ถอนแล้วได้เงินทันที 
    • วิธีนี้เงินต้นอยู่ครบและอาจจะได้รับผลตอบแทนจากส่วนต่างของหน่วยลงทุนนิดหน่อย(ขึ้นอยู่กับการเลือกกองทุนรวม) 
    • ความเสี่ยงของวิธีนี้อยู่ที่ผู้ออกตราสารหนี้ ดังนั้นควรศึกษาก่อนว่ากองทุนลงทุนกับตราสารหนี้ชนิดใดบ้าง ผู้ออกตราสารหนี้เป็นใคร มีแนวโน้มว่าจะเบี้ยวหนี้หรือไม่
วิธีที่ 2 คือ การเก็บเงินก้อนเดียว
วิธีนี้เหมาะกับผู้ที่มีเงินก้อน(เช่น เงินโบนัส) ต้องการได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าวิธีที่ 1 โดยจะเก็บเงินในสินทรัพย์ทางการเงินที่มีระยะเวลาแน่นอน ถอนเงินระหว่างทางไม่ได้ มีเงื่อนไขการฝากเงินขั้นต่ำ เช่น การฝากประจำดอกเบี้ยสูงแบบกำหนดระยะเวลา กองทุนทริกเกอร์ฟันด์
  • เงินฝากประจำ ธนาคารแต่ละแห่งจะจูงใจผู้ฝากเงินด้วยอัตราดอกเบี้ยสูง ควรตัดสินว่าจะฝากกับที่ไหน ให้มองช่วงเวลาถอนเงินเป็นสำคัญ เช่น เงินฝากประจำ 3 เดือนดอกเบี้ย 2% ต่อปีของธนาคารXXXXX หมายความว่า เราฝากเงิน 40,000 บาทกับธนาคาร XXXXX รูปแบบเงินฝากประจำ 3 เดือน พอถึงวันครบกำหนด 3 เดือนเราจะได้รับเงินฝากคืนพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งดอกเบี้ยนั้นจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ดังนั้นดอกเบี้ยที่เราจะได้รับจึงไม่ถึง 2% ต่อปีเพราะถูกหักภาษีดอกเบี้ย 
    • เราสามารถค้นหาโปรโมชั่นการฝากประจำได้ในเว็ปของธนาคารหรือเว็ปเปรียบเทียบราคา ซึ่งเราควรเลือกวิธีการฝาก-ถอนให้เหมาะสมกับเป้าหมายเก็บเงินเพื่อการท่องเที่ยวของเราให้มากที่สุด
เว็ปตัวอย่างการเปรียบเทียบอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก

  • กองทุนทริกเกอร์ฟันด์ เป็นกองทุนรวมอีกประเภทหนึ่งที่เป็นการลงทุนระยะสั้นถึงกลางโดยใช้ประโยชน์จากความผันผวนของตลาดหุ้น ซึ่งมีนโยบายในการลงทุน ความเสี่ยงและเงื่อนไขการปิดกองทุนแตกต่างกัน ดังนั้นเราควรเลือกกองทุนที่ตรงกับเป้าหมายการออมเงินเพื่อการท่องเที่ยวของเรามากที่สุด โดยศึกษา "หนังสือชี้ชวน" ให้เข้าใจก่อนการลงทุน ตัวอย่างกองทุนรวมทริกเกอร์ฟันด์   
    • "กองทุนเปิดทิสโก้ ไทย อิควิตี้ ทริกเกอร์ 8% กองที่ 12 ลงทุนในหุ้นไทย ตั้งเป้าผลตอบแทนที่ 8% ไม่กำหนดอายุโครงการ โดยจะเลิกกองทุนหากผลตอบแทนถึงเป้าหมาย 8% ซึ่งกองทุนนี้ใช้เวลาปิดกองทุนเพียง 2 สัปดาห์ " 
      • ความเสี่ยง คือ เป้าหมายผลตอบแทนที่ 8% ถ้าทำไม่ได้ก็จะไม่ปิดกองทุน ก็หมายความว่าเงินก้อนนั้นของเราอาจจะไม่ได้ใช้ตามเวลาที่กำหนดในอีก 10 เดือนข้างหน้าก็ได้ แต่ถ้าเป็นไปตามเป้าหมาย 8% ก็อาจจะได้รับเงินเร็วกว่าที่คาดไว้
    • "กองทุนเปิดกรุงไทย 5% ทริกเกอร์ฟันด์ 2 จะเลิกโครงการโดยอัตโนมัติเมื่อหน่วยลงทุนไม่ต่ำกว่า 10.5555 บาทเป็นเวลา 3 วันทำการติดต่อกัน และหากไม่สามารถทำผลตอบแทนได้ภายใน 6 เดือนบริษัทจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุน"
      • ผลตอบแทนอาจจะไม่สูงเท่ากองทุนอื่น แต่ก็สามารถขายหน่วยลงทุนคืนได้แม้ว่าไม่ถึงเป้าหมาย ทั้งนี้ควรศึกษาหนังสือชี้ชวนเพิ่มเติมเกี่ยวกับเงื่อนไขอื่นๆให้เข้าใจก่อนการลงทุน
ตัวอย่างข่าวการเปิดขายกองทุนทริกเกอร์ฟันด์


ข่าวล่าสุดเกี่ยวกับกองทุนทริกเกอร์ฟันด์ จาก นสพ.ทันหุ้น (27 ม.ค. 57)
"มอร์นิ่งสตาร์ รีเสิร์ทฯ เผยทริกเกอร์ฟันด์ปีที่ผ่านมา 90 กองทุน ส่วนใหญ่ 70% ขาดทุนยับ เหลือแค่ 30% ทำกำไรตามเป้า"

==> เราควรติดตามข่าวสารต่างๆของกองทุนก่อนสินใจในการลงทุน สามารถติดตามเรื่องกองทุนได้ที่ www. morningstarthailand.com

ส่วนวิธีที่ไม่อยากจะแนะนำสำหรับผู้ที่ยังไม่มีวินัยทางการเงินที่ดีพอหรือยังชักหน้าไม่ถึงหลัง เราไม่ควรรูดบัตรเครติดที่เป็นเงินในอนาคตมาใช้เพื่อแลกกับการท่องเที่ยว บางคนเจอโปรโมชั่นรูดบัตรเครดิตมากๆมีสิทธิ์ลุ้นบินฟรีเที่ยวต่างประเทศ ประเด็นคือต้องรูดเท่าไหร่หละถึงจะได้บินฟรี ถ้าประสบการณ์จากการท่องเที่ยวนั้นทำให้วินัยทางการเงินของเราล้มเหลวหละก็ไม่ควรทำ เพราะจะทำให้ครอบครัวเสียหาย มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งทางด้านการเงินก็ได้ มันได้ไม่คุ้มเสียเลยจริงๆ -_-!!

เที่ยวให้พอดีกับเงินในกระเป๋า 
แล้วชีวิตเราจะไม่ลำบาก



อ้างอิง : http://money.sanook.com/165374/ 



วันพฤหัสบดีที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2558

แบบฝึกหัดที่ 4

บทที่ 4 เทคโนโลยีสารสนเทศ         กลุ่มที่เรียน 3
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน          รหัสวิชา 0026 008
ชื่อ - สกุล   นางสาวอาทิติยา  สารโสม   คณะการบัญชีและการจัดการ   สาขาการตลาด   รหัส  57010910238



คำชี้แจง  จงตอบคำถามต่อไปนี้


1.ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้ อย่างน้อยหัวข้อละ 3 ชนิด 
แล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน

1)      การบันทึกและจัดเก็บข้อมูล
  1. -ฮาร์ดดิสก์
  2. -ดีวีดี
  3. -แฟลชไดร์
2)      การแสดงผล
  1. -จอภาพ
  2. -จอซีอาร์ที
  3. -อุปกรณ์ฉายภาพ
3)      การประมวลผล
  1. -ซีพียู
  2. -เมนบอร์ด
  3. -ชิปเซ็ต
4)      การสื่อสารและเครือข่าย
  1. -วิทยุเรียกตัว
  2. -โทรศัพท์เคลื่อนที่
  3. -คอมพิวเตอร์


2.ให้นิสิตนำตัวเลขในช่องขวา มาเติมหน้าข้อความในช่องซ้ายที่มีความที่สัมพันธ์กัน

8… ซอฟต์แวร์ประยุกต์

1. ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณ ประมวลผลข้อมูล


6… Information Technology

2. e-Revenue

1… คอมพิวเตอร์ในยุคประมวลผลข้อมูล

3. เทคโนโลยีต่าง ๆ ที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ความถูกต้องแม่นยำ และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้


3เทคโนโลยีสารสนเทศ ประกอบด้วย

4.มีองค์ประกอบพื้นฐาน 3 ส่วน ได้แก่ Sender Medium และDecoder

..10..ช่วยเพิ่มผลผลิต เพิ่มต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพในการททำงาน

5. การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย


5… ซอฟต์แวร์ระบบ

6. เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง


9… การนำเสนอบทเรียนในรูปมัลติมีเดีย ที่ผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตัวเองได้ตามระดับความสามารถ


7. โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆ ภายในระบบคอมพิวเตอร์



...7… EDI

8. โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ จัดเป็นซอฟต์แวร์ประเภท


4… การสื่อสารโทรคมนาคม

9. CAI

2บริการชำระภาษีออนไลน์

10. ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ

แบบฝึกหัดที่ 3

แบบฝึกหัดที่ 3

แบบฝึกหัดที่ 3

บทที่ 3 การรู้สารสนเทศ                                                                               กลุ่มที่เรียน 3
รายวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน                                         รหัสวิชา 0026 008
ชื่อ - สกุล   นางสาวอาทิติยา  สารโสม   คณะการบัญชีและการจัดการ   สาขาการตลาด   รหัส  57010910238


คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

1. ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศ
ก. ความสามารถในการกลั่นกลอง และประเมินค่าสารสนเทศที่หามาได้
ข. ความสามารถในการตัดสินใจใช้สารสนเทศรูปแบบต่างๆ
ค. ความสามารถของบุคคลในการสืบค้นและพัฒนาสารสนเทศ
ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ
ตอบ   ง. ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง ประเมิน และใช้งานสารสนเทศ

2. จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ ทั้ง 5 ประการ ประการไหนสำคัญที่สุด
ก. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
ข. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
ค. ความสามารถในการประมวลผลสารสนเทศ
ง. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
ตอบ   ง. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ

3. ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ
ก. สามารถทำงานร่วมกับผู้อื่นได้
ข. สามารถใช้สารสนเทศในการดำเนินชีวิต
ค. ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม
ง. ใช้คอมพิวเตอร์ในการแสวงหาสารสนเทศได้
ตอบ   ค. ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกม

4.ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ
ก.  โลกมีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก โดยเน้นวัตถุนิยมมากขึ้น
ข.  ช่วยให้บุคคลประสบความสำเร็จในการดำเนินชีวิต
ค.  สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง
ง.   ช่วยบุคคลเป็นผู้ที่มีศักยภาพในการเรียนรู้ตลอดชีวิต
ตอบ   ค. สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว จนยากที่จะเข้าถึง

5. ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง
1. ความสามารถในการประมวลสารสนเทศ
2. ความสามารถในการประเมินสารสนเทศ
3. ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
4. ความสามารถในการค้นหาสารสนเทศ
5. ความสามารถในการตระหนักว่าเมื่อใดจึงจะต้องการสารสนเทศ
 ก. 1-2-3-4-5                 ข. 2-4-5-3-1              ค. 5-4-1-2-3              ง. 4-3-5-1-2
ตอบ   ค. 5-4-1-2-3