ภาพยนต์เรื่อง รักหมดแก้ว

เรื่องย่อ Love on The Rock
เรื่องนี้ มันก็มีอยู่ว่า
กินเหล้าน่ะเมาได้ แต่กับ "หัวใจ" ห้ามเมา !
ไฟเลี้ยว คิดเอาไว้ว่าการได้เป็นแฟนกับ บั๊กโจ้ นั้น จะทำให้ความรักของเธอ "โคตรชิล" เหมือนนั่งจิบเบียร์เย็น ๆ ริมทะเลตอนพระอาทิตย์ตกดิน…ไม่เร่งรีบ…ไม่เรียกร้อง…และไม่ผูกมัด
ตามประสาชะนีอินดี้รักอิสระเหนือสิ่งอื่นใด ไฟเลี้ยววาดฝันไว้ว่าความรักที่ดี คือความรักที่ต่างฝ่ายต่างเว้นช่องว่างให้แก่กันและกัน ไม่ใกล้จนอึดอัดและไม่ไกลจนห่างเหิน เธอผ่านผู้ชายมาหลายคน ผิดหวังมาซ้ำซาก จนกระทั่งได้มาเจอกับ บั๊กโจ้ คนที่เหมือนจะ "ใช่" สุด ๆ
บั๊กโจ้ เป็นหนุ่มตี๋หน้ามึนแสนอารมณ์ดี เจ้าของร้านเหล้าที่เหมือนเปิดไว้เป็นห้องรับแขกให้เพื่อน ๆ มาสังสรรค์ กะเอาฮาไม่หาผลกำไร เขาไม่เคยคิดจริงจังกับชีวิต เพราะคิดว่าอนาคตเป็นเรื่องอีกยาวไกล และ "เวลา" ก็เป็นทรัพยากรที่ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด
ด้วยจังหวะการใช้ชีวิตที่เข้าคู่กันอย่างน่าอัศจรรย์ บั๊กโจ้และไฟเลี้ยวจึงตกลงใจคบหากันแบบหลวม ๆ กลางวันทำงาน กลางคืนสนุกสนานในวงเหล้าเคล้าเพลงร็อค โดยมีสมาชิกในก๊วนคอทองแดงที่พบปะกันทุกคืนไม่มีขาด อันประกอบไปด้วย พี่อุ๊ สาวเปรี้ยวไอดอลของไฟเลี้ยวเจ้าของคติ "ใช้ชีวิตให้มันส์ก่อนตาย จะได้ไม่อายยมบาล", พี่แมน คู่ปรับลับฝีปากกับพี่อุ๊ ผู้เชื่อว่า "ชีวิตวางแผนได้แน่ ขอแค่มึงรอบคอบพอ", พี่โบ้ ศาลพระภูมิของวงเหล้า เกาะติดขวดเหล้ายิ่งกว่าแสตมป์กรมสรรพสามิต ไหนจะมี พี่นุ ทายาทของมหาเศรษฐีพันล้านที่มีอาชีพหลักคือการค้นหาตัวเอง, ไอ้เจ๊ด เพื่อนสมัยมัธยมของไฟเลี้ยว ที่คิดว่าเพราะความหล่อเกินไปของตนเอง ทำให้ต้องผิดหวังในความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า และ ยาย่า เพื่อนสาวแสนสุภาพ ที่ดื่มเหล้าแทนน้ำเปล่า
แต่ทุก ๆ วงเหล้าย่อมต้องเลิกราฉันใด ชีวิตก็คงต้องมีจุดเปลี่ยนฉันนั้น และความรักก็ไม่ต่างกัน เมื่อถึงจุดหนึ่ง กติกาของหัวใจที่ไฟเลี้ยว ตั้งไว้เกิดสั่นคลอน และความเหยาะแหยะของบั๊กโจ้ก็ยิ่งแต่จะทำให้ชีวิตของเขาดิ่งลงเหว
ความรักของทั้งคู่กำลังแล่นมาถึง "ทางตัน" แถมเหล่าแก๊งเพื่อนขั้นเทพที่คอยเป็นที่ปรึกษาด้านหัวใจ ต่างก็แยกย้ายจากกันไปคนละทิศคนละทาง
เขาทั้งสองกำลังจะได้เรียนรู้ว่า โลกที่พวกเขามองเห็นและวาดฝันตอนยังไร้เดียงสานั้น มันช่างแตกต่างกันอย่างลิบลับกับสิ่งที่ต้องเผชิญจริง ๆ
มันเผ็ดร้อนกว่าเหล้ายี่ห้อใด ๆ ในโลก และเจ็บปวดกว่าเพลงรักทุกเพลงรวมกันจะยุติ "คําว่าเรา" หรือจะเลือก "เมากับคำว่ารัก" มีแต่ไฟเลี้ยวและบั๊กโจ้เท่านั้นที่จะเป็นผู้เลือก และการตัดสินใจครั้งนี้ ไม่มีโซดา ไม่มีโทนิค ไม่มีมิกเซอร์ มีแค่ "รักหมดแก้ว"
กินเหล้าน่ะเมาได้ แต่กับ "หัวใจ" ห้ามเมา !
ไฟเลี้ยว คิดเอาไว้ว่าการได้เป็นแฟนกับ บั๊กโจ้ นั้น จะทำให้ความรักของเธอ "โคตรชิล" เหมือนนั่งจิบเบียร์เย็น ๆ ริมทะเลตอนพระอาทิตย์ตกดิน…ไม่เร่งรีบ…ไม่เรียกร้อง…และไม่ผูกมัด
ตามประสาชะนีอินดี้รักอิสระเหนือสิ่งอื่นใด ไฟเลี้ยววาดฝันไว้ว่าความรักที่ดี คือความรักที่ต่างฝ่ายต่างเว้นช่องว่างให้แก่กันและกัน ไม่ใกล้จนอึดอัดและไม่ไกลจนห่างเหิน เธอผ่านผู้ชายมาหลายคน ผิดหวังมาซ้ำซาก จนกระทั่งได้มาเจอกับ บั๊กโจ้ คนที่เหมือนจะ "ใช่" สุด ๆ
บั๊กโจ้ เป็นหนุ่มตี๋หน้ามึนแสนอารมณ์ดี เจ้าของร้านเหล้าที่เหมือนเปิดไว้เป็นห้องรับแขกให้เพื่อน ๆ มาสังสรรค์ กะเอาฮาไม่หาผลกำไร เขาไม่เคยคิดจริงจังกับชีวิต เพราะคิดว่าอนาคตเป็นเรื่องอีกยาวไกล และ "เวลา" ก็เป็นทรัพยากรที่ใช้อย่างไรก็ไม่มีวันหมด
ด้วยจังหวะการใช้ชีวิตที่เข้าคู่กันอย่างน่าอัศจรรย์ บั๊กโจ้และไฟเลี้ยวจึงตกลงใจคบหากันแบบหลวม ๆ กลางวันทำงาน กลางคืนสนุกสนานในวงเหล้าเคล้าเพลงร็อค โดยมีสมาชิกในก๊วนคอทองแดงที่พบปะกันทุกคืนไม่มีขาด อันประกอบไปด้วย พี่อุ๊ สาวเปรี้ยวไอดอลของไฟเลี้ยวเจ้าของคติ "ใช้ชีวิตให้มันส์ก่อนตาย จะได้ไม่อายยมบาล", พี่แมน คู่ปรับลับฝีปากกับพี่อุ๊ ผู้เชื่อว่า "ชีวิตวางแผนได้แน่ ขอแค่มึงรอบคอบพอ", พี่โบ้ ศาลพระภูมิของวงเหล้า เกาะติดขวดเหล้ายิ่งกว่าแสตมป์กรมสรรพสามิต ไหนจะมี พี่นุ ทายาทของมหาเศรษฐีพันล้านที่มีอาชีพหลักคือการค้นหาตัวเอง, ไอ้เจ๊ด เพื่อนสมัยมัธยมของไฟเลี้ยว ที่คิดว่าเพราะความหล่อเกินไปของตนเอง ทำให้ต้องผิดหวังในความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า และ ยาย่า เพื่อนสาวแสนสุภาพ ที่ดื่มเหล้าแทนน้ำเปล่า
แต่ทุก ๆ วงเหล้าย่อมต้องเลิกราฉันใด ชีวิตก็คงต้องมีจุดเปลี่ยนฉันนั้น และความรักก็ไม่ต่างกัน เมื่อถึงจุดหนึ่ง กติกาของหัวใจที่ไฟเลี้ยว ตั้งไว้เกิดสั่นคลอน และความเหยาะแหยะของบั๊กโจ้ก็ยิ่งแต่จะทำให้ชีวิตของเขาดิ่งลงเหว
ความรักของทั้งคู่กำลังแล่นมาถึง "ทางตัน" แถมเหล่าแก๊งเพื่อนขั้นเทพที่คอยเป็นที่ปรึกษาด้านหัวใจ ต่างก็แยกย้ายจากกันไปคนละทิศคนละทาง
เขาทั้งสองกำลังจะได้เรียนรู้ว่า โลกที่พวกเขามองเห็นและวาดฝันตอนยังไร้เดียงสานั้น มันช่างแตกต่างกันอย่างลิบลับกับสิ่งที่ต้องเผชิญจริง ๆ
มันเผ็ดร้อนกว่าเหล้ายี่ห้อใด ๆ ในโลก และเจ็บปวดกว่าเพลงรักทุกเพลงรวมกันจะยุติ "คําว่าเรา" หรือจะเลือก "เมากับคำว่ารัก" มีแต่ไฟเลี้ยวและบั๊กโจ้เท่านั้นที่จะเป็นผู้เลือก และการตัดสินใจครั้งนี้ ไม่มีโซดา ไม่มีโทนิค ไม่มีมิกเซอร์ มีแค่ "รักหมดแก้ว"
20 ข้อคิดบาดกระแทกใจที่ได้จากหนังเรื่อง “รักหมดแก้ว” Love on the rock
มีโอกาสได้ไปดูมารู้สึกอินและกระแทกใจกับทุกข้อคิดจากหนังเรื่องนี้มาก จนขนาดว่าดูจบไปกว่าชั่วโมงแล้วในหัวยังวนเวียนเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เลยชอบมากกก
เลยนั่งนึกๆ ข้อคิดจากเหล่าตัวละครเรื่องนี้มาแบ่งให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะ
1.เรื่องของความรักตามทฤษฏีมันง่าย แต่จะให้ทำมันยาก
2.อย่าไปพยายามตั้งกฏเกณฑ์ให้กับความรัก คิดจะรักก็รักเลย
3.ความรักที่มันยั่งยืนบนโลกนี้ไม่มีจริง
4.ผู้หญิงอยากจะแรดที่ไหนก็แรดด้ายยยย >_<
5.ผู้ชายชอบมองผู้หญิงแ ร ด แต่ไม่อยากให้ผู้หญิงของตัวเอง แ ร ด
6.ผู้หญิงชอบปากแข็ง ปากบอกว่าไม่ แต่ใจบอกว่าใช่
7.ผู้ชายชอบบอกว่าเข้าใจ แต่จริงๆ ไม่เข้าใจอะไรเลย
8.ความรักก็เหมือนโอกาส มาตอนไม่ทันตั้งตัว และก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
9.เวลาของเรามีอยู่มาก แต่เราไม่รู้ว่าเราจะใช้ได้ถึงเมื่อไหร่
10.ทะเบียนสมรสไม่ใช่เครื่องหมาย ที่จะยืนยันว่าคนสองคนจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต

11.เรามักคิดว่าคนข้างๆ เข้าใจเรามากที่สุด และจะอยู่กับเราตลอดไป จนลืมใส่ใจเค้า
12.หากมัวแต่พูดและคิดเรื่องของตัวเอง สุดท้ายเราก็จะอยู่แบบตัวคนเดียวในโลก
13.เราดื่มเหล้าเพราะอะไรกันแน่ ชอบรส? ชอบบรรยากาศวงเหล้า อยากเมา? หรือกินเพราะอยากตื่นมาแล้วแฮงค์
แต่มันก็หมายความว่าเรายังมีชีวิตต่อไป
14.มิตรภาพในวงเหล้าอาจไม่สวยหรู แต่เมื่ออยู่ด้วยกันก็มีแต่ความสุขใจ
15.ความรักไม่ใช่การครอบครอง แต่ลึกๆ แล้วเราก็อยากเป็นเจ้าของเค้าทั้งนั้น
16.ชีวิตก็เหมือนการเล่นรถไฟเหาะ สนุก หวาดเสียว และมันก็สั้นนิดเดียว
17.ความรักในวัยรุ่นอาจสนุกดูไร้สาระ แต่มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต
18.เรื่องของอนาคตนั้นยังมาไม่ถึง แต่เราก็ควรคิดและวางแผนวันข้างหน้าไว้บ้าง
19.เต็มที่กับทุกวันในชีวิต อย่ามัวแต่เก็บเรื่องเศร้าไว้ในใจ
20.เพื่อนถึงแม้ไม่ได้เจอกัน แต่สุดท้ายมันก็คือเพื่อน
21.อย่าใช้คำบอกเลิกมาทำร้ายคนที่เรารัก
22.ชีวิตคนเราก็เหมือนเหล้า มีรสชาติ ไลฟ์สไตล์ และจิตวิญญาณที่ต่างกันออกไป
23.เหล้าก็เหมือนกับความรัก เรารู้ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไรแต่เราก็ชอบที่จะลอง
24.คนเรามักจะเล่าแต่เรื่องดีๆ ของตัวเอง ฉะนั้นอย่ามัวอิจฉาหรืออยากเป็นแบบเค้า เพราะเราไม่รู้ว่าอีกด้านที่ร้ายของเค้า
อาจจะหนักกว่าเราก็ได้
หนังเรื่องนี้สนุกและได้ข้อคิดเกี่ยวกับความรักและการใช้ชีวิตเยอะมากๆ
ส่วนตัวเราชอบการแสดงของพี่มาช่ามากที่สุด นางพญา is back ได้เลยเพราะตอนแรกนึกว่าการแสดงของพี่มาช่าจะกลืนเหล่านักแสดงหน้าใหม่ อย่างปอนด์ ณปรัชญ์ (พระเอก), น้ำหวาน พิไลพร (นางเอก) รวมถึงสงกรานต์ เดอะวอยซ์, อ๊อฟ ปองศักดิ์, ป๊อป ปองกูล และเอ็ม บุดด้าเบส ให้หายไปเลย แต่ที่ไหนได้นอกจากเล่นบทตัวเองดีแล้วยังช่วยส่งให้นักแสดงเหล่านี้ให้ดูเด่นชัดขึ้นมาได้ดี บทพีช่าจะเปรี้ยวปากจัด กวน ตลกแกทำได้ดีทุกเม็ด พอบทจะเศร้าเท่านั้นละ ฉากนั้นเป็นอะไรที่อินมาก ดูแล้วเราร้องไห้ตามอย่างไม่ยากเลย
ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็จัดว่ามวยถูกคู่กับเจ๊มาช่าเลยโดยเฉพาะพี่อ๊อฟ พี่แกจัดเต็มมากออกมาซีนไหนนี่เตรียมฮาไว้ก่อนเลย แต่บทจะซึ้งตาพี่แกก็เศร้าซะเราร้องไห้ตามในฉากไคล์แมกซ์เลย มันเศร้าจริงๆ
ส่วนในบทของพระนางนั้น ส่วนตัวว่าแข็งไปนี๊ดดดด เพราะอาจจะเป็นมือใหม่ แต่มาเจอฉากอารมณ์ที่พระเอกยืนตะโกนบนดาดฟ้านี่ทำให้เราอินและเราเข้าถึงตัวละครได้มากขึ้น เลยทำให้ช่วงหลังๆ เราค่อนข้างอินและเอาใจช่วยพระเอกมากขึ้น

เลยนั่งนึกๆ ข้อคิดจากเหล่าตัวละครเรื่องนี้มาแบ่งให้เพื่อนๆ ได้อ่านกันค่ะ
1.เรื่องของความรักตามทฤษฏีมันง่าย แต่จะให้ทำมันยาก
2.อย่าไปพยายามตั้งกฏเกณฑ์ให้กับความรัก คิดจะรักก็รักเลย
3.ความรักที่มันยั่งยืนบนโลกนี้ไม่มีจริง
4.ผู้หญิงอยากจะแรดที่ไหนก็แรดด้ายยยย >_<
5.ผู้ชายชอบมองผู้หญิงแ ร ด แต่ไม่อยากให้ผู้หญิงของตัวเอง แ ร ด
6.ผู้หญิงชอบปากแข็ง ปากบอกว่าไม่ แต่ใจบอกว่าใช่
7.ผู้ชายชอบบอกว่าเข้าใจ แต่จริงๆ ไม่เข้าใจอะไรเลย
8.ความรักก็เหมือนโอกาส มาตอนไม่ทันตั้งตัว และก็ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
9.เวลาของเรามีอยู่มาก แต่เราไม่รู้ว่าเราจะใช้ได้ถึงเมื่อไหร่
10.ทะเบียนสมรสไม่ใช่เครื่องหมาย ที่จะยืนยันว่าคนสองคนจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต

11.เรามักคิดว่าคนข้างๆ เข้าใจเรามากที่สุด และจะอยู่กับเราตลอดไป จนลืมใส่ใจเค้า
12.หากมัวแต่พูดและคิดเรื่องของตัวเอง สุดท้ายเราก็จะอยู่แบบตัวคนเดียวในโลก
13.เราดื่มเหล้าเพราะอะไรกันแน่ ชอบรส? ชอบบรรยากาศวงเหล้า อยากเมา? หรือกินเพราะอยากตื่นมาแล้วแฮงค์
แต่มันก็หมายความว่าเรายังมีชีวิตต่อไป
14.มิตรภาพในวงเหล้าอาจไม่สวยหรู แต่เมื่ออยู่ด้วยกันก็มีแต่ความสุขใจ
15.ความรักไม่ใช่การครอบครอง แต่ลึกๆ แล้วเราก็อยากเป็นเจ้าของเค้าทั้งนั้น
16.ชีวิตก็เหมือนการเล่นรถไฟเหาะ สนุก หวาดเสียว และมันก็สั้นนิดเดียว
17.ความรักในวัยรุ่นอาจสนุกดูไร้สาระ แต่มันคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต
18.เรื่องของอนาคตนั้นยังมาไม่ถึง แต่เราก็ควรคิดและวางแผนวันข้างหน้าไว้บ้าง
19.เต็มที่กับทุกวันในชีวิต อย่ามัวแต่เก็บเรื่องเศร้าไว้ในใจ
20.เพื่อนถึงแม้ไม่ได้เจอกัน แต่สุดท้ายมันก็คือเพื่อน
21.อย่าใช้คำบอกเลิกมาทำร้ายคนที่เรารัก
22.ชีวิตคนเราก็เหมือนเหล้า มีรสชาติ ไลฟ์สไตล์ และจิตวิญญาณที่ต่างกันออกไป
23.เหล้าก็เหมือนกับความรัก เรารู้ว่าสุดท้ายจะเป็นอย่างไรแต่เราก็ชอบที่จะลอง
24.คนเรามักจะเล่าแต่เรื่องดีๆ ของตัวเอง ฉะนั้นอย่ามัวอิจฉาหรืออยากเป็นแบบเค้า เพราะเราไม่รู้ว่าอีกด้านที่ร้ายของเค้า
อาจจะหนักกว่าเราก็ได้
หนังเรื่องนี้สนุกและได้ข้อคิดเกี่ยวกับความรักและการใช้ชีวิตเยอะมากๆ
ส่วนตัวเราชอบการแสดงของพี่มาช่ามากที่สุด นางพญา is back ได้เลยเพราะตอนแรกนึกว่าการแสดงของพี่มาช่าจะกลืนเหล่านักแสดงหน้าใหม่ อย่างปอนด์ ณปรัชญ์ (พระเอก), น้ำหวาน พิไลพร (นางเอก) รวมถึงสงกรานต์ เดอะวอยซ์, อ๊อฟ ปองศักดิ์, ป๊อป ปองกูล และเอ็ม บุดด้าเบส ให้หายไปเลย แต่ที่ไหนได้นอกจากเล่นบทตัวเองดีแล้วยังช่วยส่งให้นักแสดงเหล่านี้ให้ดูเด่นชัดขึ้นมาได้ดี บทพีช่าจะเปรี้ยวปากจัด กวน ตลกแกทำได้ดีทุกเม็ด พอบทจะเศร้าเท่านั้นละ ฉากนั้นเป็นอะไรที่อินมาก ดูแล้วเราร้องไห้ตามอย่างไม่ยากเลย
ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ก็จัดว่ามวยถูกคู่กับเจ๊มาช่าเลยโดยเฉพาะพี่อ๊อฟ พี่แกจัดเต็มมากออกมาซีนไหนนี่เตรียมฮาไว้ก่อนเลย แต่บทจะซึ้งตาพี่แกก็เศร้าซะเราร้องไห้ตามในฉากไคล์แมกซ์เลย มันเศร้าจริงๆ
ส่วนในบทของพระนางนั้น ส่วนตัวว่าแข็งไปนี๊ดดดด เพราะอาจจะเป็นมือใหม่ แต่มาเจอฉากอารมณ์ที่พระเอกยืนตะโกนบนดาดฟ้านี่ทำให้เราอินและเราเข้าถึงตัวละครได้มากขึ้น เลยทำให้ช่วงหลังๆ เราค่อนข้างอินและเอาใจช่วยพระเอกมากขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น